เหตุผลที่ควรทา ครีมกันแดด ทุกวัน
อยู่ประเทศไทยใครยังไม่ได้ใช้ ครีมกันแดด ถือว่าพลาด! เพราะแดดเมืองไทยแรงขนาดนี้ ถ้าไม่หาครีมกันแดดทาหน้ามาใช้ บอกเลยว่าหน้าแก่ก่อนวัยแน่นอนค่ะ ขึ้นปีใหม่ 2024 ทั้งที เชื่อว่ามีหลายคนน่าจะกำลังมองหาครีมกันแดดทาหน้าตัวใหม่อยู่ใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนถ้าจะเลือกกันแดดทาหน้าทั้งทีต้องดูหลายอย่างด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข SPF ที่เหมาะสมเพื่อให้เหมาะกับการปกป้องผิวประจำวัน หรือจะเลือกครีมกันแดดทาหน้าที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันรังสี UVA และ UVB ครีมกันแดดที่มีสารบำรุงในตัว รวมถึงครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา ที่สำคัญใครที่ผิวแพ้ง่ายก็ต้องมองหากันแดดสำหรับผิวแพ้ง่ายด้วยเลย แน่นอนว่าต้องคุมมัน สบายผิวเพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย วันนี้ รวมครีมกันแดดทาหน้าฉบับอัปเดต 2024 มาฝากกันค่ะ จะปังแค่ไหน
วิธีเลือก ครีมกันแดด ที่เหมาะสม
การทาครีมกันแดดเป็นวิธีที่ดีอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงการถูกแดดเผาในวันที่มีแดดแรงจัด แต่การมองหาครีมกันแดดทาหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่น่าจะคุ้มค่าแน่นอน ไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้ SPF ขนาดเท่าไหร่ใช่ไหมคะ? เรามีคำแนะนำดี ๆ สำหรับขั้นตอนการทาครีมกันแดดและการเลือกหาครีมกันแดดทาหน้ามาให้สาว ๆ ได้ซื้อตุนไว้ในฤดูร้อนนี้ค่ะ
1.เลือก ครีมกันแดด ทาหน้าที่มี SPF 30 ขึ้นไป
การเพิ่มค่า SPF เป็นสองเท่าไม่ได้หมายความว่าจะเพิ่มการป้องกันเป็นสองเท่าได้นะคะ ค่า SPF 15 จะปิดกั้นรังสี UVB ได้ 93% ในขณะที่ SPF 30 จะช่วยกรองได้ 97% และ SPF 50 กรองรังสีที่เป็นอันตรายได้ 98% ทั้งนี้ ระหว่าง SPF 30 และ SPF 50 ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนัก ความจริงก็คือไม่มีครีมกันแดดทาหน้าที่สามารถกรองรังสีดวงอาทิตย์ได้หมด ดังนั้น ครีมกันแดดทาหน้าใด ๆ ก็ตามที่มีทั้งสเปกตรัมกว้าง (ป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB) และมีค่า SPF สูงกว่า SPF 30 จะเป็นตัวเลือกที่ดี
ขอแนะนำว่ายิ่งมีค่า SPF สูงเท่าไร ครีมกันแดดทาหน้านั้นก็จะหนามากขึ้น
2. เลือก ครีมกันแดด สูตรกันน้ำ
ครีมกันแดดทาหน้าสูตรกันน้ำเหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนเป็นเวลานาน แม้ว่าสาวๆ จะแค่เหงื่อออกแต่ไม่ได้ลงน้ำก็ตาม พึงระลึกว่าไม่มีครีมกันแดดใดที่สามารถกันน้ำได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงครีมกันแดดทาหน้าที่อ้างคุณประโยชน์แบบนี้ ทั้งนี้ ครีมกันแดดสามารถกันน้ำได้นานถึง 40 หรือ 80 นาที เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จึงควรทาครีมกันแดดหน้าอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงและบ่อยครั้งขึ้นหากสาวๆ ว่ายน้ำหรือเหงื่อออก
ครีมกันแดดทาหน้า สำหรับปกป้องผิวบริเวณใบหน้า เพราะว่าบริเวณหน้า มือ บ่าและลำคอ มักเป็นตำแหน่งที่ต้องโดนแสงแดดมากกว่าบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย ผลกระทบของการเผชิญแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่ได้ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดทาผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เซลล์ผิวถูกทำร้าย นำไปสู่ปัญหาผิวแห้งโทรม สีผิวไม่สม่ำเสมอ ริ้วรอยเหี่ยวย่น หรืออาจถึงขั้นรุนแรงจนเกิดเป็นมะเร็งผิวหนัง ซึ่งรังสียูวี ทั้งยูวีเอและยูวีบีนั้นมีอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่เว้นแม้แต่วันที่ไม่มีแดด และอากาศไม่ร้อนในฤดูฝนและหนาว
ยังสามารถทะลุทะลวงเข้าทำร้ายผิวได้แม้อยู่ในที่ร่ม
- ครีมกันแดด รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet: UV) ชนิดUVA และ UVB เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดผลเสียกับผิว เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ ความเหี่ยวย่นหย่อนคล้อย และผิวเกรียมแดด รวมไปถึงมะเร็งผิวหนัง
- รังสี UVA สามารถส่องผ่านทะลุกระจกเข้าไปยังอาคารบ้านเรือนได้ อีกทั้งยังมีแสงสีฟ้าจากมือถือและจอคอมพิวเตอร์ ดังนั้น แม้จะอยู่ในบ้านก็ควรทาครีมกันแดดที่เหมาะสมเช่นกัน
- ควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติปกป้องได้ทั้งแสง UVA และ UVB โดยสามารถสังเกตจากค่า SPF และ PA ตามลำดับ โดยควรเลือกระดับ SPF ตั้งแต่ 30 และค่า PA 3+ ขึ้นไป
- โดยปกติแล้ว การทาครีมกันแดดนั้นเป็นกิจวัตรประจำวันที่บรรจุอยู่ใน Skincare Routine ของหลายๆ คนที่ทำก่อนออกจากบ้านไปทำงาน แต่เมื่อเกิดการระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ขึ้น ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home (WFH) จึงมีคำถามตามมาว่า จริงๆ แล้ว หากต้องทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปโดนแดดที่ไหน เรายังมีความจำเป็นต้องทาครีมกันแดดอยู่อีกหรือไม่?
ครีมกันแดด ช่วยป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่อยู่ในแสงแดดและถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ สามารถก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อผิวหนัง ส่งผลทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดด หรือทำให้ผิวแก่ก่อนวัย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง การป้องกันแสงแดดด้วยครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพผิว